
วันนี้เรียนวิชาการสอบบัญชีเรื่องการวางแผนการตรวจสอบ เมื่อพูดถึงการวางแผนการตรวจสอบหลายๆคน คงอาจนึกภาพว่าไม่ออกว่าเป็นอย่างไรต้องยากแน่ๆ เลย แต่ก็ยากจริงๆ นะคะ วันนี้จะมาอธิบายให้ฟังกันนะคะว่าที่จริงแล้ว การวางแผนการตรวจสอบ หมายถึง อะไรกันค่ะ
การวางแผนการตรวจสอบ
หมายถึง การกำหนดขอบเขตการทำงาน วิธีการทำงาน และระยะเวลาในการทำงานเพื่อรวบรวมข้อมูลในการสอบบัญชีเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การวางแผนทำเพื่ออะไร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อรายงานการดำเนินงาน
แผน มาจาก
Vision นำไปสู่ขั้นตอน
1.วัตถุประสงค์ (นำไปสู่ความน่าเชื่อถือของรายงาน)
2.แผนกลยุทธ์การวางแผน ประกอบด้วย

ลักษณะ(แนวทางในการปฏิบัติ)

ระยะเวลา (ช่วงเวลา ,สถานการณ์ ,ข้อจำกัดของข้อมูล)

ขอบเขต (ขนาดตัวอย่าง)
3.แผนการปฏิบัติงาน
ระยะเวลาที่เราทำการตรวจสอบ คือ ช่วงเวลาที่เราได้งบการเงินของลูกค้า
งบการเงิน คือ รายงานข้อมูลทางการเงินที่ได้จัดทำขึ้นจากข้อมูลทางการเงินที่จดบันทึกไว้ในรอบระยะเวลาหนึ่ง
การจัดส่งงบการเงินและรายงานของบริษัทจดทะเบียน (ควรรู้ไว้นะคะ)
1.งบการเงินรายไตรมาส ให้นำส่งต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ภายใน 45 วัน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี
2.งบการเงินประจำงวดการบัญชี ให้นำส่งต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ภายใน 3 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี หรือภายใน 60 วัน
3.แบบแสดงรายการเปิดเผยข้อมูลประจำปี ให้นำส่งต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต ภายใน 3 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี
4.รายงานประจำปี ที่เสนอต่อผู้ถือหุ้น ให้นำส่งต่อผู้ถือหุ้นทุกราย ภายใน 110 วัน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี พร้อมหนังสือนัดประชุมประจำปี
การวางแผน ประกอบด้วยลักษณะ ลักษณะของการตรวจสอบมี 2 แบบ คือ
1.
Interim Audit เป็นการตรวจสอบระหว่างปี ตรวจสอบดูว่าระบบควบคุมภายในของกิจการนั้นเป็นอย่างไรดีหรือไม่ดี
(Test of control) ซึ่งจะเลือกตรวจสอบเฉพาะรายการที่สำคัญๆ

2.
Year End Audit เป็นการตรวจสอบสิ้นปี ซึ่งสามารถตรวจสอบงบการเงินของกิจการได้แล้ว
(substantive test) เป็นการตรวจสอบแบบเนื้อหาสาระ สนใจเนื้อหาสาระเป็นหลัก ระบบควบคุมภายในเป็นการควบคุมข้อผิดพลาดในกิจการ
ระยะเวลา ระยะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญในการวางแผนเพราะว่าระยะเวลาจะเป็นตัวกำหนดว่าผู้ตรวจสอบสามารถตัดสินใจเรียงลำดับความสำคัญในการทำงานก่อนหลังได้ ซึ่งต้องอาศัยช่วงระยะเวลา สถานการณ์ และข้อจำกัดของข้อมูลที่มีอยู่
ขอบเขต ขอบเขตก็คือ กลุ่ม
ตัวอย่าง (ขนาดของตัวอย่าง) มาทดสอบ ขนาดของตัวอย่าง จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่มีอยู่
ประโยชน์ของการวางแผน
1. ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างเพียงพอที่จะใช้ในการตัดสินใจในการดำเนินการพิจารณาต่อไป
2. ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการตรวจสอบ
3. ช่วยให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างลูกค้า การประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ และป้องกันการเข้าใจผิดในการทำงาน
ขั้นตอนในการวางแผนมี 7 ขั้นตอน แต่วันนี้เราจะนำเสนอ 4 ขั้นตอนก่อนนะคะ
1.
พิจารณารับงาน เป็นการพิจารณาความเสี่ยง ว่าผู้ตรวจสอบบัญชียอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน จาก 2 กรณี คือ
1.1.
กรณีเป็นลูกค้ารายใหม่ คือเป็นกิจการที่พึ่งเริ่มจัดตั้ง ต้องพิจารณาผู้บริหาร วัตถุประสงค์ของกิจการ ประเภทกิจการ ฐานะทางการเงิน
1.2.
กรณีเป็นลูกค้ารายเก่า ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงและต้องพิจารณาต่อไปอีกว่า จะรับการตรวจสอบหรือไม่
ถ้าพิจารณาจะรับงานสอบบัญชีจากทั้ง 2 กรณีแล้วต้องตอบรับงานสอบ
(Engagement Letter) โดยการส่งหนังสือตอบรับงานสอบบัญชี 2 ฉบับ ให้ลูกค้าเก็บไว้ 1 ฉบับ และส่งคืนมาให้ผู้ตรวจสอบ 1 ฉบับ
2.
รวบรวมข้อมูล เป็นการช่วยประเมินความเสี่ยงของกิจการที่ตรวจ เพื่อให้เข้าใจในระบบบัญชี และวิธีการปฏิบัติทางบัญชีของกิจการที่ตรวจสอบ ต้องทำการเยี่ยมสถานประกอบการ
(Plan Tour) ต้องพกพาความสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบการ การอาศัยข้อมูลจากบุคลากรในกิจการนั้นๆ และการอาศัยข้อมูลจากการตรวจสอบของปีที่ผ่านมาด้วย

3.
วิเคราะห์เปรียบเทียบเบื้องต้น เป็นการวิเคราะห์ดูจากสมุดบัญชีว่ามีแนวโน้มทิศทางในอนาคตเป็นอย่างไรเช่น กิจการขาดทุนมาทุกปีหรือไม่ กิจการมีกำไรมากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์จากงบการเงิน เป็นการดูความเสี่ยงนั้นเองค่ะ
4.
กำหนดระดับสาระสำคัญ เป็นการร่วมกันกำหนดข้อตกลงระดับความไม่ถูกต้องของรายการและข้อมูลที่ผู้ตรวจสอบและทีมงานสามารถยอมรับร่วมกันได้และแสดงความเห็นต่องบการเงินนั้นตามสาระสำคัญ
เป็นอย่างไรบ้างคะอ่านแล้วพอทำความเข้าใจกันได้บ้างไหมคะ
^_^!!